สายแลน Cat 6 เป็นสายคู่บิดมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการส่งข้อมูลแบบอีเทอร์เน็ต 10 จิกะบิต (10 Gbps) ได้ในระยะทางสูงสุดถึง 55 เมตร โดยมีแบนด์วิดธ์สูงสุด 250 MHz ทำให้เป็นพื้นฐานสำคัญของเครือข่ายแบบมีสายในยุคปัจจุบัน โครงสร้างของสายประกอบด้วยลวดทองแดง 4 คู่ ขนาด 23 AWG (American Wire Gauge) โดยแต่ละคู่ถูกบิดด้วยอัตราที่แน่นและสม่ำเสมอขึ้นกว่าสายประเภทต่ำกว่า (เช่น Cat 5e) เพื่อลดการรบกวนสัญญาณระหว่างคู่สาย (crosstalk และ electromagnetic interference) ที่ส่งผลให้สัญญาณเสียหายเมื่อใช้งานที่ความถี่สูง องค์ประกอบสำคัญในการออกแบบคือแกนพลาสติกกั้นกลาง (longitudinal separator) ซึ่งแยกคู่สายทั้ง 4 ไว้คนละส่วน ช่วยลดการรบกวนจากสายอื่น (alien crosstalk) ในพื้นที่ติดตั้งที่มีความหนาแน่นสูง เช่น ศูนย์ข้อมูลหรือระบบสายแบบมีโครงสร้าง สาย Cat 6 มีให้เลือก 2 แบบ คือแบบไม่มีเกราะ (UTP) และแบบมีเกราะ (STP/FTP): UTP เหมาะสำหรับใช้ในบ้านหรือสำนักงานที่มีต้นทุนต่ำและมีสภาพแวดล้อมที่มีการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) ต่ำ ในขณะที่ STP (Shielded Twisted Pair) หรือ FTP (Foil Twisted Pair) มีเกราะป้องกันแบบโลหะหุ้มรอบคู่สายแต่ละคู่หรือตลอดทั้งสาย เหมาะสำหรับใช้ในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมหรือบริเวณใกล้สายไฟฟ้าที่มีการรบกวนสูง การติดตั้งต้องปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัด เช่น รัศมีการงอขั้นต่ำเท่ากับ 4 เท่าของเส้นผ่าศูนย์กลางสาย (โดยปกติประมาณ 19 มม.) และแรงดึงสูงสุดไม่เกิน 25 ปอนด์ เพื่อป้องกันการเสียหายของตัวนำหรือรูปแบบการบิดภายใน สาย Cat 6 สามารถใช้ร่วมกับสายประเภทเก่ากว่าได้ (Cat 5e, Cat 5) ทำให้สามารถติดตั้งในเครือข่ายเดิมพร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับความเร็วที่สูงขึ้น สมรรถนะของสายเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการแบนด์วิดธ์สูง เช่น การสตรีมวิดีโอความละเอียด 4K/8K การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ และการตั้งค่าเครือข่ายภายในบ้าน (home lab) ที่ต้องการการเชื่อมต่อ 10 Gbps ที่มีความน่าเชื่อถือ การต่อเชื่อมปลายสายด้วยหัวต่อ RJ45 คุณภาพสูง (ควรเลือกแบบมีเกราะสำหรับสาย STP) จะช่วยให้ประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากการต่อเชื่อมที่ไม่ดีเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสียสัญญาณในระบบ Cat 6