โซลูชันฐานแบนด์แบบเสมือน (Virtualized baseband solutions) ซึ่งมักเรียกกันว่า vBBU (virtualized Baseband Unit) ได้เปลี่ยนกระบวนการทำฐานแบนด์ที่เน้นฮาร์ดแวร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นฟังก์ชันที่กำหนดด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ COTS (commercial off the shelf) หรือโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์ ทำให้เกิดการปฏิวัติในความยืดหยุ่นและการขยายตัวของเครือข่ายการเข้าถึงวิทยุ (RAN) โดยโซลูชันเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นบนหลักการของ Network Functions Virtualization (NFV) และ Software Defined Networking (SDN ซึ่งทำให้การประมวลผลฐานแบนด์แยกออกจากฮาร์ดแวร์แบบเฉพาะเจาะจง ช่วยให้สามารถนำไปใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ทั่วไป โครงสร้างคลาวด์ขอบ (edge cloud) หรือศูนย์ข้อมูลได้ การแยกตัวนี้ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่ายสามารถปรับขนาดความจุฐานแบนด์แบบไดนามิก โดยการเพิ่มหรือลดอินสแตนซ์ที่ถูกเสมือน (vBBU) ผ่านแพลตฟอร์มจัดการ (เช่น OpenStack, Kubernetes) เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการการจราจร ทำให้ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์ ข้อดีหลักๆ ได้แก่ ลดค่าใช้จ่ายลงทุน (ลดการพึ่งพาฮาร์ดแวร์เฉพาะ), การนำบริการมาใช้งานอย่างรวดเร็ว (อัปเดตซอฟต์แวร์แทนการเปลี่ยนฮาร์ดแวร์) และการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น (โครงสร้างเซิร์ฟเวอร์ร่วมกันสำหรับฟังก์ชันเครือข่ายหลายอย่าง) นอกจากนี้ โซลูชันฐานแบนด์แบบเสมือนยังรองรับการทำงานร่วมกันได้หลายผู้ผลิต (multi vendor interoperability) ทำลายการผูกขาดของผู้ผลิต โดยการกำหนดมาตรฐานของอินเตอร์เฟซ (เช่น O-RAN fronthaul specifications) อย่างไรก็ตามยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ ได้แก่ การรักษาความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์ (ซึ่งสำคัญต่อ 5G URLLC) บนแพลตฟอร์มที่ถูกเสมือน จำเป็นต้องมี hypervisor ที่ได้รับการปรับปรุงและเครือข่ายที่มีความหน่วงต่ำ ในขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าประสิทธิภาพการประมวลผลสัญญาณตรงกับฮาร์ดแวร์เฉพาะ ซึ่งต้องมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง กรณีการใช้งานครอบคลุมเครือข่าย 5G ในเขตเมือง ซึ่งการขยายตัวแบบไดนามิกมีความสำคัญ ไปจนถึงการใช้งานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลขอบ (edge computing) ซึ่ง vBBU สามารถติดตั้งไว้ใกล้ผู้ใช้ปลายทางมากขึ้นเพื่อลดความหน่วง เมื่ออุตสาหกรรมกำลังก้าวไปสู่ Open RAN โซลูชันฐานแบนด์แบบเสมือนกำลังกลายเป็นองค์ประกอบหลัก ช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างเครือข่ายที่มีความคล่องตัว คุ้มค่า และรองรับเทคโนโลยีในอนาคตอย่าง 6G และการจัดการจราจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้